รอนนี่ ชวดรางวัลยอดนักกีฬาบีบีซี ในส่วนของรางวัลที่เป็นไฮไลต์ ในแต่ละปี ก็จะมี 2 สาขารางวัลด้วยกัน ประกอบด้วย รางวัลบีบีซีสปอร์ตเพอร์โซนัลลิตี้ออฟเดอะเยียร์อวอร์ด ซึ่งจะมอบให้กับนักกีฬา 4 ชาติในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) ที่ทำผลงานดีที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา และรางวัลบีบีซีเวิลด์สปอร์ตสตาร์ออฟเดอะเยียร์ ซึ่งจะมอบให้กับนักกีฬาที่ไม่ใช่ชาวสหราชอาณาจักร
เนื่องจากการคว้าแชมป์โลก 7 สมัย นับเป็นการคว้าแชมป์โลกมากที่สุด เทียบเท่ากับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ตำนานสอยคิวชาวสกอต ชนิดที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่า สถิติแชมป์โลก 7 สมัยที่ เฮนดรี้ เคยสร้างไว้เมื่อปี 1999 จะมีผู้อาจหาญขึ้นมาเทียบเคียง
อีกทั้ง การคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 7 ของ รอนนี่ ยังทำสถิติเป็นแชมป์โลกที่อายุมากที่สุดในวัย 46 ปี 148 วันอีกต่างหาก ทำลายสถิติเดิม 45 ปี 203 วันของ เรย์ เรียร์ดอน ที่เคยทำไว้ในปี 1978 อีกด้วย
นอกจากนี้ เดอะร็อกเก็ต ยังทำลายสถิติของ เฮนดรี้ อีก 1 เรื่อง นั่นก็คือการคว้าชัยชนะในครูซิเบิลเธียร์เตอร์ สังเวียนจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกมากที่สุด ด้วยจำนวน 74 แมตช์ โดย เฮนดรี้ คว้าชัยในสังเวียนอันศักดิ์แห่งนี้ไป 70 แมตช์ด้วยกัน
กระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ฝ่ายจัดงานบีบีซีสปอร์ตเพอร์โซนัลลิตี้ออฟเดอะเยียร์ 2022 ได้ประกาศ 6 นักกีฬาที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลบีบีซีสปอร์ตเพอร์โซนัลลิตี้ออฟเดอะเยียร์อวอร์ด 2022
ปรากฏว่า รอนนี่ มีชื่อเข้าชิงตามคาด ร่วมกับ เบน สโตคส์ นักคริกเกตที่พาทีมอังกฤษคว้าแชมป์โลก 2022, อีฟ เมียร์เฮด นักเคอร์ลิงหญิงเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 , เจสซิก้า กาดิโรวา นักยิมนาสติกสาวเจ้าของแชมป์โลก 2022 ในอุปกรณ์ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์, เจค ไวท์แมน นักวิ่งหนุ่ม ดีกรีเหรียญทองกรีฑาชิงแชมป์โลก 2022 ในการวิ่ง 1,500 เมตรชาย และ เบธ มีด นักเตะสาวทีมชาติอังกฤษ ที่พาทัพแข้งสตรีผู้ดีคว้าแชมป์ยูโร 2022 ที่อังกฤษเองเป็นเจ้าภาพ แถมยังเป็นแชมป์หนแรกในประวัติศาสตร์ของพลพรรคนางสิงห์คำรามอีกด้วย นอกจากนี้ เธอยังคว้ารางวัลดาวซัลโว(ยิง 6 ประตู) และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก
ผลการตัดสินปรากฏว่า รอนนี่ ไม่ได้รางวัล แถมไม่ติด 1 ใน 3 อีกด้วย ส่งผลให้สาวกกีฬาแม่นรูชาวยูเคหลายคน ต่างไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสิน จนเกิดคอมเมนต์โจมตีฝ่ายพิจารณารางวัลอย่างเดือดดาลบนโลกออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่นักสอยคิวอาชีพอย่าง เดวิด กิลเบิร์ต, เลียม ไฮจ์ฟิลด์ และอีกหลายคน ที่มองว่าการให้รางวัล ยึดจากผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นหลัก มากกว่าพิจารณาจากผลงานของนักกีฬา